เมื่อวันที่ 20 ม.ค. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้ากรณีเรือสมูธซี 22 หมายเลขทะเบียนเรือ 620000791 เกิดเหตุ เพลิงไหม้ขณะจอดรอทำการซ่อมแซม บริเวณท่าเทียบเรือ บริษัทรวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 4 ราย บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 130 หลังคาเรือน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ม.ค.66คำพูดจาก เว็บปั่นสล็อต
กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า จัดเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจและตรวจสอบผู้ได้รับผลกระทบร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยตนมอบหมายให้ นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า และจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและตรวจสอบผู้ได้รับผลกระทบ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและท้องถิ่น
นายสรพงศ์ กล่าวต่อว่า พร้อมทั้งดำเนินการประสานบริษัท สมูธ ซี จำกัด และบริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยให้เร่งดำเนินการเก็บกู้ชิ้นส่วนของเรือที่ตกลงน้ำ พร้อมกับวางทุ่นเครื่องหมายเป็นจุดสังเกต เพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ ซึ่งวันนี้ (20 ม.ค.66) บริษัทฯ จะดำเนินการเก็บชิ้นส่วนในแม่น้ำให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และความปลอดภัยในการเดินเรือ โดยสาเหตุของการระเบิดอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งกรมเจ้าท่า จะแจ้งรายละเอียดให้ทราบในโอกาสต่อไป
นอกจากนี้ บริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ได้ทำการเยียวยาเบื้องต้น โดยการมอบเงินให้กับโรงเรียนวัดศรัทธาธรรมใช้ในการซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 132,000 บาท เพื่อให้โรงเรียนได้จัดการเรียนการสอนต่อไปได้ และชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหายกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกิดเหตุคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นายสรพงศ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม กรมเจ้าท่าได้ออกประกาศกรมเจ้าท่า 2/2566 ลงวันที่ 17 ม.ค.66 ห้ามไม่ให้เรือเดินเข้าใกล้เรือสมูธซี 22 ในระยะ 200 เมตร เพื่อความปลอดภัย พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรือสมูธซี 22 เกิดการระเบิดและไฟไหม้ บริเวณท่าเทียบเรือ บริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 เจ้าพนักงานตรวจท่า เจ้าพนักงานตรวจเรือ นิติกร จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสงคราม และเชิญผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท พี.เอส.พี. สเปเชียลตี้ส์ จำกัด, บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อสอบสวนหาสาเหตุบนเรือและวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีก.